รูปถ่ายมันฝรั่งรูปนี้ ขายได้ในราคา 40 ล้านบาท
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ศิลปินนักถ่ายภาพชื่อดังระดับโลก เผยหนุ่มนักธุรกิจใจป้ำ ซื้อภาพถ่ายหัวมันฝรั่งของเขาไปในราคาสุดช็อกเฉียด 40 ล้านบาท
หากได้เห็นภาพนี้ คนทั่วไปที่ไม่มีหัวไปทางศิลป์ ก็คงจะคิดไม่ต่างกันว่ารูปร่างหน้าตาของมันหัวนี้ก็เหมือนกับหัวมันทั่ว ๆ ไป หรือบางคนอาจจะดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นภาพของอะไร แต่ขอบอกเลยภาพถ่ายภาพนี้มีคุณค่าอย่างไม่น่าเชื่อ ราคาของมันมหาศาลมากจนทำเอาตะลึง โดยเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 เมื่อเว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ของอังกฤษ ได้นำภาพของหัวมันฝรั่งดังกล่าวมาเผยให้ได้ชมกัน
เควิน แอบอสช์ ชายศิลปินนักถ่ายภาพระดับโลกชาวไอริช วัย 46 ปี เปิดเผยว่า ภาพถ่ายของเขาที่มีชื่อว่า Potato #345 ซึ่งเป็นรูปหัวมันฝรั่งออแกนิกส์บนภาพพื้นหลังสีดำ ถูกนักธุรกิจชาวยุโรปซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ซื้อไปในราคา 1 ล้านยูโร หรือประมาณ 39 ล้านบาท
โดยภาพถ่ายดังกล่าวนี้ ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2010 เป็นหนึ่งในภาพถ่ายที่อยู่ในชุดของผลงานเด่น ๆ หลายชิ้น อาทิ ภาพของผู้กำกับชื่อดัง สตีเวน สปีลเบิร์ก, นักแสดงตลก ไมเคิล พาลิน และ นักธุรกิจสาวคนดัง เชอริล แซนด์เบิร์ก ซึ่งผลงานของเควินแต่ละภาพ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาททั้งนั้น
สำหรับภาพถ่ายรูปหัวมันฝรั่งนี้มีอยู่ทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นหนึ่งตัวเควินเก็บไว้เอง ชิ้นที่สองบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ในประเทศเซอร์เบีย และชิ้นที่ 3 เพิ่งขายออกไปดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เควิน เผยว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาพผลงานศิลปะของเขาจะถูกขอซื้อไปจากนิทรรศการของเขาเช่นนี้
Kevin Abosch (เควิน แอบอสช์) ศิลปินนักถ่ายภาพระดับโลกชาวไอริช วัย 46 ปี (ชายผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากในวงการถ่ายรูป เขาได้รับเชิญให้ไปถ่ายภาพคนดังมากมาย) เควินเปิดเผยว่า ภาพถ่ายของเขาที่มีชื่อว่า Potato #345 ซึ่งเป็นรูปหัวมันฝรั่งออแกนิกส์บนภาพพื้นหลังสีดำ ถูกนักธุรกิจชาวยุโรปซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ซื้อไปในราคา 1 ล้านยูโร หรือประมาณ 39 ล้านบาท!
โดยภาพถ่ายดังกล่าวนี้ ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2010 เป็นหนึ่งในภาพถ่ายที่อยู่ในชุดของผลงานเด่นๆ หลายชิ้น อาทิ ภาพของผู้กำกับชื่อดัง สตีเวน สปีลเบิร์ก, นักแสดงตลก ไมเคิล พาลิน และ นักธุรกิจสาวคนดัง เชอริล แซนด์เบิร์ก ซึ่งผลงานของเควินแต่ละภาพ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาททั้งนั้น
สำหรับภาพถ่ายรูปหัวมันฝรั่งนี้มีอยู่ทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกัน ชิ้นหนึ่งตัวเควินเก็บไว้เอง ชิ้นที่สองบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ในประเทศเซอร์เบีย และชิ้นที่ 3 เพิ่งขายออกไป
ที่มา – kapook
www.flagfrog.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น