วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

CEO ชายระดับโลกที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย



เคล็ดลับความสำเร็จและประวัติของCEOระดับโลก

ของแต่คนที่ได้มานั้นเป็นอย่างไร พร้อมความสำเร็จที่ได้มานั้นไม่ง่ายเลย



Mark Zuckerberg






               มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก เขาทำงานหนักเพื่อก่อตั้งเฟซบุ๊กมาแล้ว 5 ปี จนอายุ 25 ปี เฟซบุ๊กมีผู้ใช้งานถึง 300 ล้านคน และทำให้บริษัทของเขามีกระแสเงินสดเป็นบวก ครั้งแรกตั้งแต่ทำงานหนักมาตลอด 5 ปี แต่ในปีนั้นเขาเขียนบนเฟซบุ๊คว่า นี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับเป้าหมายการเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกเข้าด้วยกัน และในปีถัดมา หนุ่มน้อยคนนี้ก็ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี จากนิตยสารTime

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก


             มาร์ค มีชีวิตแสนจะธรรมดา เขาเกิดในครอบครัวอเมริกันเชื้อสายยิว เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ปี 1984 โตมาในย่าน ดอบส์ เฟอร์รี รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกามีพ่อเป็นหมอฟันและนักจิตวิทยา ชีวิตวัยเด็กของเขาค่อนข้างจะสุขสบายไม่เคยผ่านความลำบากยากจน เขามีพี่น้อง 4 คน ทว่า เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นเด็กเรียนเก่งออกแนวเนิร์ดๆ ชอบขลุกอยู่แต่ในห้อง


              ไอเดียสำคัญที่จุดประกายให้นักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์ วัย 20 ปีคนนี้ ลุกขึ้นทำเฟซบุ๊กเกิดจากความหมกมุ่นอยู่กับเรื่องคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรม จนค้นพบปัญหาว่ามหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างฮาร์วาร์ดไม่มีระบบหนังสือรุ่นทางออนไลน์ เขาจึงนำไอเดียไปเสนอเพื่อขอจัดทำ แต่กลับถูกมหาวิทยาลัยปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่มีนโยบายให้นักศึกษาเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว


               กระนั้นด้วยความคันไม้คันมือ และอยากเอาชนะเขาจึงสวมวิญญาณแฮ็กเกอร์เจาะเข้าไปในระบบทะเบียนประวัตินักศึกษาของฮาร์วาร์ดดึงรูปนักศึกษาและประวัติส่วนตัวจากฐานข้อมูลมหาวิทยาลัยมาใส่ในเว็บไซต์ Facemashพร้อมกันนี้ยังเชิญชวนเพื่อนๆนักศึกษาเล่นเกม Hot or Not โดยโพสต์รูป
นักศึกษาให้เพื่อนๆเข้ามาช่วยกันโหวตว่าใครฮอต หรือไม่ฮอต ผลตอบรับดีเกินคาดเพราะภายในเวลาแค่ 4 ชั่วโมง มีนักศึกษาเข้ามาโหวตถึง 450 คน สร้างสถิติคลิกชม22,000 ครั้ง แต่แทนที่จะได้รับเสียงชมจากอาจารย์ เขากลับถูกมหาวิทยาลัยลงโทษระงับการใช้อินเตอร์เน็ต


                 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาลุยต่อเพื่อสร้าง Facebook โดยเขานั่งเขียนโปรแกรมอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัย และได้รับความช่วยเหลือจากรูมเมต “ดัสติน มาสโควิตซ์” ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก และรั้งตำแหน่งวีพีด้านเอนจิเนียริ่ง แรกเริ่มเขาพยายามเชิญชวนเพื่อนๆนักศึกษาส่งรูปและข้อมูลส่วนตัวเข้ามาโพสต์บนเว็บไซต์ ซึ่งมีคนส่งรูปเข้ามาถึง 500 รูปต่อมาได้พัฒนาโปรแกรมโดยสร้างเว็บเพจให้เพื่อนร่วมชั้นสามารถส่งอีเมล์เข้ามาช่วยกันเขียนควา มคิดเห็น และเพิ่มเติมประวัติได้อย่างไม่จำกัด ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากเว็บไซต์ เพื่อสร้างสัมพันธ์ในหมู่นักศึกษาฮาร์วาร์ดจึงขยายความฮิตฮอตไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆกว่า 30 สถาบัน











ขอบคุณข้อมูลจากhttps://businessrd.wordpress.com



Richard Branson





           ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าพ่ออาณาจักร Virgin กรุ๊ป เจ้าของธุรกิจนับร้อยๆแห่ง ในวัย 22 ปี เขาได้ก่อตั้งค่ายเพลงเวอร์จิ้น เรคคอร์ด อายุ 23 ก็เริ่มออกวางขาย พออายุ 30 ปี เขากลายเป็นนักธุรกิจระหว่างประเทศไปแล้ว เขาบอกว่าผมสร้างธุรกิจ มาจากการทำงานหนักเจียนตาย ทำตลอด 7 วันทั้งสัปดาห์ และทำงานหนักเท่านั้น เป็นคำเดียวที่จะทำให้คุณอยู่รอด
 การเดินทางของแต่ละคนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีเส้นทางที่แตกต่างกันไป  ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว  "เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน" ได้ชื่อว่าเป็นชายผู้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำครับ 


            ริชาร์ด ชาร์ลส์ นิโคลัส แบรนสัน เกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1950 ที่ เซาท์ลอนดอน  ในครอบครัวชนชั้นกลางของอังกฤษ ซึ่งยึดอาชีพทางด้านกฎหมายจนกลายเป็นธรรมเนียมตกทอดของตระกูล  มีบิดาชื่อ เท็ด  แบรนสัน เป็นผู้พิพากษาและเป็นนักกฎหมาย ส่วนมารดาคืออีฟ ฮันต์ลีย์-ฟลินต์ แบรนสัน เคยเป็นทั้งนักเต้นรำและนักแสดงของโรงละคร และผันตัวเองมาเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแล้วได้พบรักกับ เท็ด แบรนสัน

             ในวัยเด็กนั้นแม่ของริชาร์ด แบรนสัน มีอิทธิพลต่อชีวิตของริชาร์ด แบรนสันมาก มักจะสอนให้แบรนสัน ในเรื่องของความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ  สามารถพึ่งพาตนเองได้   ให้มีความรักในการผจญภัยต่างๆนานา  นั้นทำให้ชีวิตในวัยเด็กนั้น ริชาร์ด แบรนสัน  จึงมีความเด่นในด้านใช้ร่างกายมากกว่าสมอง  เขาเป็นคนที่เล่นกีฬาได้เก่งมาก  แต่ในเรื่องของการเรียนแล้วนั้นถือว่าแย่เลยที่เดียว   จุดเปลี่ยนของชีวิตก็คือเขาประสบอุบัติเหตุที่ขาทำให้ไม่สามารถเล่นกีฬาได้ อีกต่อไป  ขณะที่การเรียนที่แย่ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่เขาเรียนอ่อนเพราะเป็นโรคดีสเล็กเซีย ซึ่ง โรคนี้เป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติในการอ่าน อาการของโรคนี้คือเด็กอาจจะอ่านไม่ออก หรืออ่านได้บ้าง แต่สะกดคำไม่ถูก ผสมคำไม่ได้ สลับตัวพยัญชนะ สับสนกับการผันสรแบรนสันเองก็คิดว่าการเรียนหนังสือเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากสำหรับเขา โดยเฉพาะเวลาที่ต้องอ่านหนังสือ  เขาจึงใช้วิธีเรียนรู้จากการลงมือทำ

            โลก ใบนี้เป็นโลกที่ท้าทายสำหรับเขา และเป็นโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกวินาทีที่ผ่านไปของเขาล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ๆ เขารู้จักใช้โอกาสต่างๆที่เข้ามาในชีวิตอย่างชาญฉลาด ข้อสำคัญที่สุดคือเขาทำงานอย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยวัยเพียง 58 ปีเท่านั้น กลยุทธ์คือ การตั้งเป้าหมายความฝันไว้ก่อน และมองโลกอย่างท้าทาย พร้อมทั้งหาแนวทางธุรกิจใหม่ๆที่ยังไม่มีคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของการเดินไปบนถนนแห่งความสำเร็จที่ใครๆก็สามารถทำได้และ ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น
            เขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก เขารู้จักใช้การสร้างตัวเองขั้นมาจนตัวเขาเองกลายเป็น แบรนด์ที่มีคนรู้จักและสนใจโดยไม่ต้องจ้างดารา ดังๆมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ใก้แก่สินค้าของเขาเลย เสมือนว่าทุกวันนี้เขากลายเป็นคนที่โด่งดังไปแล้วทั่วโลก บุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นบุคคลที่สื่อทุกประเภทให้ความสนใจอย่างสม่ำเสมอ เท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์องค์กรของเขาไปด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมแบรนด์ “ เวอร์จิ้น” ถึงเป็นที่รู้จัก
            แบรนสัน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเป็นผู้บริหารที่ทำให้พนักงานใน องค์กรมีสำนึกในการเป็นคนในชุมชนเดียวกันมากที่สุดและทำให้พนักงานรักองค์กร มาก เขาพยายามให้พนักงานในองค์กรทำงานในเวอร์จิ้นด้วยความสนุกและมีความสุข เขาเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนงานให้กลายเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น จะทำให้ทัศนคติและผลงานของพนักงานต่างจากเดิมมาก ทุกวันนี้ แบรนสันยังคงทำหน้าที่เป็นประธานของเวอร์จิ้นกรุ๊ปที่ดูแลพนักงานถึง 35,000 คน



ขอบคุณข้อมูลจาก  http://m24hr.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น